มีโรคเลือดจางเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่ทำให้ใบหน้าผู้ป่วยมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือหน้าผากโหนก ดั้งจมูกแบน ฟันบนยื่นเหยิน หัวโต ตาเหลือง และตัวเตี้ยแคระแกร็น เราเรียกว่า“โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย” เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ โดยทั้งพ่อและแม่อาจจะไม่ล่วงรู้มาก่อนเลย ว่าตนเองมีกรรมพันธุ์นี้แฝงอยู่
มีข้อมูลระบุว่าประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่เป็นโรคเลือดจางนี้เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งหากตั้งครรภ์โดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า เด็กธาลัสซีเมียคนต่อไปอาจเป็นลูกหรือหลานท่านได้ ธาลัสซีเมียพบได้ทั่วโลก แต่ที่พบมากคือในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสหพันธ์ธาลัสซีเมียนานาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 8 พฤษภาคม เป็น “วันธาลัสซีเมียโลก” ตั้งแต่ปี 2545
ธาลัสซีเมียเกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าปกติ โดยธาลัสซีเมียมี 2 แบบ คือ
v แบบที่เป็นโรค ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเรื้อรังจากเม็ดเลือดแดงอายุสั้น และถูกม้ามจับทำลายมากกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากพ่อและแม่ หากรุนแรงมากจะตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอดไม่เกิน 1 วัน โดยขณะที่แม่ตั้งครรภ์อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่นครรภ์เป็นพิษได้ ธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง จะสังเกตอาการได้ชัดเจนตั้งแต่อายุ3-6 เดือน เด็กจะงอแง เลี้ยงยาก เจ็บป่วยบ่อย อ่อนเพลีย ท้องป่องเนื่องจากตับม้ามโต และซีดมากต้องได้รับการเติมเลือดเป็นประจำ ชนิดปานกลางและรุนแรงน้อย ผู้ป่วยจะมีอาการซีดมากเมื่อมีไข้
ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมียประมาณร้อยละ 1 ของประชากร หรือมากกว่า 6 แสนคน และเนื่องจากโรคนี้รักษาไม่หายขาด นอกจากการปลูกถ่ายไขกระดูกซึ่งมีวิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อน และมีข้อจำกัดมากมาย การรักษาโดยทั่วไปจึงเป็นการรักษาตามอาการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การให้เลือด การให้ยาขับเหล็ก หรือการผ่าตัดม้าม เป็นต้น
v แบบที่เป็นพาหะหรือแฝง คือคนที่มีกรรมพันธุ์โรคนี้แฝงอยู่ในร่างกาย มีสภาพร่างกายปกติ แข็งแรงดี แต่สามารถถ่ายทอดกรรมพันธุ์ที่ผิดปกตินี้ไปสู่ลูกได้ โดยพบว่าคนไทยเป็นพาหะธาลัสซีเมียมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก คือ 1 ใน 4 ของประชากร หรือร้อยละ 30-40 ซึ่งคิดคร่าวๆ ประมาณ 20-25 ล้านคน
แน่นอนว่า หากมีการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตรวจเลือดหาภาวะธาลัสซีเมีย เด็กที่เกิดใหม่อาจเป็นโรคเลือดจางนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะมีญาติเป็นโรคนี้หรือไม่ก็ตาม ฉะนั้นพ่อ แม่ที่คิดจะมีลูก ควรเตรียมการและวางแผนไว้ล่วงหน้า หาเวลาไปตรวจเลือดพร้อมกัน เพื่อลูกจะได้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคที่ป้องกันได้ อย่าง... โรคกรรม(พันธุ์) นี้ นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น