กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อย จนติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศทีเดียว จากผลการวิจัยพบว่ามีผู้หญิงจำนวนถึง
ร้อยละ 20-40 ที่จะ ป่วยเป็นโรคนี้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็เลยยิ่งต้องเข้าไปทำความรู้จักกับโรคนี้ไว้ก่อน จะได้หาทาง
หลีกเลี่ยงและป้องกันได้อย่างทันท่วงทีไงล่ะคะ
ลักษณะทั่วไป กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ส่วนมากเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในลำไส้ของคนเรา โดยเข้าไปทางท่อปัสสาวะ โรค
นี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนัก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมาก
เชื้อโรคจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าชาย-หญิง แทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ พบ
มากในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์) หรือผู้หญิงที่ชอบกลั้นปัสสาวะนานๆ หรืออาจเป็น
โรคแทรกของผู้ป่วยเบาหวาน นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต หรือพบภายหลังการสวนปัสสาวะ ผู้หญิงที่แต่งงานใหม่
หรือหลังร่วมเพศ อาจมีอาการขัดเบา แบบกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แพทย์เรียกว่า โรคฮันนีมูน (Honeymoon's cystitis) สาเหตุ
เกิดจากการฟกช้ำจากการร่วมเพศ แล้วทำให้มีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ
ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยมาก ถ้าพบมักมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมลูกหมากโต หรือมีก้อนเนื้องอกใน
กระเพาะปัสสาวะ หรือมีความผิดปกติทางโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะ
อาการ
ปัสสาวะกะปริบกะปรอย (ออกทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง) รู้สึกปวดขัด หรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ มีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วม
ด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น สีมักจะใส แต่บางคนอาจขุ่นหรือมีเลือดปน อาการส่วนใหญ่เกิดขึ้น หลังกลั้นปัสสาวะนานๆ หรือ
หลังร่วมเพศ ในเด็กเล็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน อาจมีไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียน
ปัสสาวะกะปริบกะปรอย (ออกทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง) รู้สึกปวดขัด หรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ มีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วม
ด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น สีมักจะใส แต่บางคนอาจขุ่นหรือมีเลือดปน อาการส่วนใหญ่เกิดขึ้น หลังกลั้นปัสสาวะนานๆ หรือ
หลังร่วมเพศ ในเด็กเล็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน อาจมีไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียน
อาการแทรกซ้อน
ส่วนมากมักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่บางรายอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามขึ้น
ไปถึงกรวยไตและเนื้อไตได้ ซึ่งในกรณีเหล่านี้จะพบว่ามีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดบริเวณบั้นเอว (ปวดหลังทั้งสองข้าง) บางราย
มีอาการรุนแรงจนเกิดไตอักเสบและไตวาย ในผู้ชายเชื้ออาจลุกลามเข้าไปทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ
ส่วนมากมักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่บางรายอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามขึ้น
ไปถึงกรวยไตและเนื้อไตได้ ซึ่งในกรณีเหล่านี้จะพบว่ามีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดบริเวณบั้นเอว (ปวดหลังทั้งสองข้าง) บางราย
มีอาการรุนแรงจนเกิดไตอักเสบและไตวาย ในผู้ชายเชื้ออาจลุกลามเข้าไปทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ
การรักษา
1.ขณะที่มีอาการ ให้ดื่มน้ำมากๆ
2.ถ้าอาการปัสสาวะแสบขัดไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ หรือถ้าอาการปัสสาวะแสบขัด ร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว
ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยามาทานเอง หากเป็นผู้มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน เช่น เบาหวาน ต่อมลูกหมากโต นิ่วใน
ทางเดินปัสสาวะ เมื่อมีอาการปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะลำบาก ปวดขัด เวลาถ่ายปัสสาวะ ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อลดอาการ
แทรกซ้อนที่ตามมา
1.ขณะที่มีอาการ ให้ดื่มน้ำมากๆ
2.ถ้าอาการปัสสาวะแสบขัดไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ หรือถ้าอาการปัสสาวะแสบขัด ร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว
ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยามาทานเอง หากเป็นผู้มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน เช่น เบาหวาน ต่อมลูกหมากโต นิ่วใน
ทางเดินปัสสาวะ เมื่อมีอาการปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะลำบาก ปวดขัด เวลาถ่ายปัสสาวะ ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อลดอาการ
แทรกซ้อนที่ตามมา
การวินิจฉัย
1.กระเพาะปัสสาวะอักเสบ พบเป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ของการขัดเบา แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอีกหลายชนิดที่อาจมีอาการ
แสดงคล้ายโรคนี้ได้อีก ดังนั้นก่อนให้การรักษาโรคนี้ ควรซักถามประวัติอาการอย่างถี่ถ้วน
2.วินิจฉัยอาการดังกล่าวร่วมกับการตรวจหรือเก็บปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
1.กระเพาะปัสสาวะอักเสบ พบเป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ของการขัดเบา แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอีกหลายชนิดที่อาจมีอาการ
แสดงคล้ายโรคนี้ได้อีก ดังนั้นก่อนให้การรักษาโรคนี้ ควรซักถามประวัติอาการอย่างถี่ถ้วน
2.วินิจฉัยอาการดังกล่าวร่วมกับการตรวจหรือเก็บปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
ข้อแนะนำในการป้องกัน
1.ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนการไปทำธุระข้างนอกทุกครั้ง
2.อย่ากลั้นปัสสาวะถ้าไม่จำเป็น เพราะการกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญพันธุ์
ประกอบกับในภาวะที่กระเพาะปัสสาวะยืดตัว ความสามารถในการขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุผิวกระเพาะปัสสาวะลดน้อยลง จึงทำให้
เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
3.หลังถ่ายอุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคจากบริเวณทวาร
หนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
4.สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศ (โรคกระเพาะปัสสาวะจากฮันนีมูน) อาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนร่วมเพศ ควรใส่
ครีมหล่อลื่นช่องคลอดและถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ
5.ถ้าเริ่มมีอาการปัสสาวะแสบขัด ให้รีบดื่มน้ำมากๆ (ประมาณวันละ 3-4 ลิตร) เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออก และช่วยลดอาการปวด
แสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
1.ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนการไปทำธุระข้างนอกทุกครั้ง
2.อย่ากลั้นปัสสาวะถ้าไม่จำเป็น เพราะการกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญพันธุ์
ประกอบกับในภาวะที่กระเพาะปัสสาวะยืดตัว ความสามารถในการขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุผิวกระเพาะปัสสาวะลดน้อยลง จึงทำให้
เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
3.หลังถ่ายอุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคจากบริเวณทวาร
หนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
4.สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศ (โรคกระเพาะปัสสาวะจากฮันนีมูน) อาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนร่วมเพศ ควรใส่
ครีมหล่อลื่นช่องคลอดและถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ
5.ถ้าเริ่มมีอาการปัสสาวะแสบขัด ให้รีบดื่มน้ำมากๆ (ประมาณวันละ 3-4 ลิตร) เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออก และช่วยลดอาการปวด
แสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
หากพบว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีอาการผิดปกติดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยเฉพาะคุณผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โอกาสที่จะเป็นโรคชนิดนี้ค่อนข้างสูง และหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น