วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สถานการณ์โรคมือเท้าปาก

สถานการณ์โรคมือเท้าปาก

โรคมือ เท้า ปาก
(Hand Foot and Mouth Disease : HFMD)
       
     จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคจากทุกจังหวัดในประเทศไทย ของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ 1 มกราคม – 20 ตุลาคม 2556 พบผู้ป่วย 37,533 ราย เสียชีวิต 2 ราย และยังไม่พบการระบาดรุนแรงในประเทศไทย

       โดยกลุ่มอายุที่พบส่วนใหญ่ คือ เด็กเล็กช่วงอายุต่ำกว่า 2-3 ปี ซึ่งพบได้มากในศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล จึงขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รวมทั้งประชาชนดำเนินการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาการเกิดโรค มือ เท้า ปากเมื่อพบการระบาดของโรค ให้ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคทันที โดยมีการสอบสวนโรค และเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเชื้อที่รุนแรง ดูแลรักษาพยาบาล ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งท่านสามารถเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูล สถานการณ์ คู่มือ สื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ จากสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ได้แล้วที่หัวข้อด้านล่างนี้ และให้สุขศึกษา ประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
     1. สถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ในประเทศไทย
รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 โรคมือ เท้า ปาก (1 ม.ค.- 20 ต.ค. 56) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 โรคมือ เท้า ปาก (1 ม.ค.- 14 ต.ค. 56) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 โรคมือ เท้า ปาก (1 ม.ค.- 6 ต.ค. 56) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ประจำสัปดาห์ที่ 39 (วันที่ 24 ก.ย. – 1 ต.ค. 2556) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 โรคมือ เท้า ปาก (1 ม.ค.- 21 ก.ย. 56) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ประจำสัปดาห์ที่ 37 (วันที่ 11-17 กันยายน 2556) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รายงานสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ประจำสัปดาห์ที่ 36 (วันที่ 11-17 กันยายน 2556) : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
     2. องค์ความรู้
  
      โรคมือ เท้า และปาก เกิดจากเชื้อไวรัสลำไส้ หรือ เอนเทอโรไวรัสหลายชนิด (Enterovirus) พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โรคเกิดประปรายตลอดปีแต่จะเพิ่มมากขึ้นในหน้าฝน ซึ่งมักเย็นและชื้น โดยทั่วไปโรคนี้มีอาการไม่รุนแรง ปัจจัยหลักที่โน้มนำให้เกิดการระบาด มาจากความแออัดระบบการถ่ายเทอากาศไม่ดีสุขอนามัยสิ่งแวดล้อม และสุขวิทยาส่วนบุคคลบกพร่องส่วนใหญ่มักเกิดตามสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล เป็นต้น
1.องค์ความรู้ (Factsheet) เรื่อง โรคติดต่ออุบัติใหม่ "โรค มือ เท้า ปาก (Hand Foot and Mouth Disease; HFMD) 
2.คู่มือ การป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุข ปี 2554 "โรค มือ เท้า ปาก (Hand Foot and Mouth Disease ; HFMD) 
3. องค์ความรู้โรคมือ เท้า ปาก ฉบับย่อ 
     3. แนวทางการดำเนินงาน ป้องกัน ควบคุม โรค มือ เท้า ปาก
1.แนวทางการวินิจฉัย และดูแลรักษา โรค มือ เท้า ปาก สำหรับแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ 
2. แนวทางการดำเนินงานป้องกันควบคุมการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก สำหรับแพทย์ 
3. แนวทางการดำเนินงานป้องกันควบคุมการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 
4. แนวทางเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก สำหรับศูนย์เด็กเล็กสถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานศึกษา 
5. Prevention and Control Measures for School/Child Care Centre Against Hand Foot and Mouth Disease (HFMD) 
      4.การดูแลรักษาพยาบาล
      โรคนี้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะป่วยนานประมาณ 7- 10 วัน เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงใช้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาแก้ปวดยาทาแก้ปวดในรายที่มีแผลที่ลิ้นและกระพุ้งแก้ม ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดูเด็กควรเช็ดตัวผู้ป่วย เพื่อลดไข้เป็นระยะและให้รับประทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด ดื่มน้ำ น้ำผลไม้และนอนพักผ่อนมากๆ ถ้าเป็นเด็กอ่อนอาจต้องป้อนนมให้แทนการดูดนม เพื่อลดการปวดแผลในปาก ที่สำคัญคือการป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงถึงเสียชีวิต ตามปกติโรคนี้มักไม่รุนแรงและไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัสบางชนิด เช่นเอนเทอโรไวรัส 71 อาจทำให้มีอาการรุนแรงได้ จึงควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากพบมีไข้สูง ซึม ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำอาเจียนบ่อย หอบแขนขาอ่อนแรง ชัก ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนจากภาวะสมองอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือน้ำท่วมปอด ซึ่งจะรุนแรงจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคติดเชื้อเอชไอวีโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือผู้ที่ต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

ที่มา สำนักโรคอุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น