ยากลุ่มคอร์ติโคสตีรอยด์หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่ากลุ่มสตีรอยด์ เป็นยาที่สังเคราะห์ขึ้นจากฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกาย มีหลายประเภท เช่น เด๊กซ่าเมทาโซน เพร็ดนิโซโลน เป็นต้น ยาออกฤทธิ์โดยมีผลต่อหลายระบบในร่างกาย จึงถูกนำมาใช้รักษาอาการอักเสบในโรคต่าง ๆ อย่างแพร่หลายทั้งในรูปยากิน ยาฉีด ยาพ่น ยาหยอด และยาป้าย ในทางจักษุวิทยานิยมใช้ยากลุ่มสตีรอยด์ในการรักษาอาการอักเสบในช่องหน้าลูกตา เยื่อบุตาหรือกระจกตาอักเสบบางประเภท รวมทั้งหลังการผ่าตัด เป็นต้น
ยากลุ่มนี้มีข้อดีที่ลดการอักเสบได้ในหลายโรคโดยเฉพาะการอักเสบหรืออาการภูมิแพ้ชนิดที่เป็นรุนแรง อย่างไรก็ตามการใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจทำให้มีผลข้างเคียงได้หลายประการ สำหรับ“ดวงตา”กับผลข้างเคียงจากยาสตีรอยด์ ได้แก่ ต้อหิน ซึ่งระยะแรกมักไม่มีอาการแสดงใด ต่อมาเมื่อมีอาการมากขึ้นจะค่อย ๆ สูญเสียลานสายตา ตาพร่ามัว จนระยะสุดท้ายเกิดตาบอดได้ ต้อกระจก การติดเชื้อของตา เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โดยเฉพาะการติดเชื้อกลุ่มไวรัสเริม เป็นต้น ผิวหนังเปลือกตาบางตัวลง และผลข้างเคียงอื่นที่พบได้ เช่น หนังตาตก รูม่านตาขยายโตขึ้น วันนี้จึงมีคำแนะนำการใช้ยาสตีรอยด์อย่างปลอดภัยจากพญ.สุนทรี ธิติวิเชียรฤกษ์ มาฝากกันดังนี้ค่ะ
๑. เมื่อมีอาการผิดปกติทางตา เช่น อาการตาแดง คันเคืองตา ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่ามีความจำเป็นต้องใช้ยาในกลุ่มสตีรอยด์ก่อน ไม่ควรซื้อยาหยอดที่มีส่วนประกอบของสตีรอยด์มาใช้เอง โดยสามารถสังเกตได้จากฉลากที่เขียนกำกับข้างขวดยา เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงจากยาได้โดยไม่รู้ตัว
๒. ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องได้รับยาหยอดกลุ่มสตีรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรมาตรวจติดตามพบจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับความถี่ของยา ขนาดยา และระยะเวลาการใช้ยาที่เหมาะสม
๓. หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดตา ตามัว หรือหยอดยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
จะเห็นได้ว่ายากลุ่มสตีรอยด์ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตาของเราได้ จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม เพื่อการมีสุขภาพตาที่ดีของทุก ๆ ท่านค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น