วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อากาศเปลี่ยน ระวังเด็กปอดบวม

อากาศเปลี่ยน ระวังเด็กปอดบวม

เนื่องในวันที่ 12 พฤศจิกายน  เป็นวันรณรงค์ “วันปอดบวมโลก”    ซึ่งโรคนี้มักระบาดหนักในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงและหนาวเย็นอย่างช่วงเวลานี้ เพราะอากาศมีความชื้นสูง  ทำให้เชื้อโรคต่างๆ มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น   โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคปอดบวมเป็นสาเหตุการตายอันดับ อย่างต่อเนื่องทุกปีของเด็กเล็กทั่วโลก  เพราะทุกๆ 20 วินาที จะมีเด็กเล็กตายด้วยโรคนี้หนึ่งคน

โรคปอดบวมส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย    ซึ่งเชื้อเหล่านี้ สามารถที่จะแพร่ กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ทำให้เกิดโรครุนแรงขึ้นอีก    เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ    โรคติดเชื้อในกระแสเลือด และหูอักเสบ   เป็นต้น   ซึ่งหากเกิดกับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า ขวบ หรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น  โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมากโดยการหายใจเอาเชื้อที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจากการไอ จามรดกัน หรือจากการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย    เริ่มแรกผู้ป่วยมักมีอาการไข้หวัดนำมาก่อนประมาณ 2-3 วัน ต่อมาจะมีไข้สูง  ไอมาก  หายใจเร็ว และหายใจหอบ   ถ้าเป็นมากจะหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม   เด็กทารกถ้าอาการหนักมักจะซึม  ไม่กินนม    หากไข้สูงมากอาจมีอาการชัก    บางรายหายใจมีเสียงดังวี้ดๆ   ปากเขียว  เล็บมือ เล็บเท้าเขียว  กระสับกระส่าย    แต่บางรายอาการก็ไม่ชัดเจน   ดังนั้น หากเด็กเล็กๆ ไม่สบายหรือเป็นหวัด   คุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าระวัง ดูแลอย่างใกล้ชิด   หากสังเกตพบความผิดปกติ  ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว   

เด็กที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมระยะแรกหรืออาการไม่รุนแรง   แพทย์อาจให้ยา แล้วให้กลับไปดูแลที่บ้าน โดยนัดมาดูอาการอีกภายหลัง    ซึ่งการดูแลที่บ้านควรปฏิบัติดังนี้
Ø กินยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด   ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหลายขนาน  เช่น  ยาปฏิชีวนะ  ยาขับเสมหะ  ยาละลายเสมหะ  ยาขยายหลอดลม  ยาลดไข้   แล้วแต่อาการ   จึงควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดก่อนใช้  ห้ามซื้อยาแก้ไอ หรือยาอื่นมาให้ผู้ป่วยเอง  เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้
Ø หากผู้ป่วยมีไข้สูง  ควรให้ยาลดไข้ตามขนาดที่กำหนดโดยห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง  แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาให้ยา  ควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวลดไข้แทน  ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบายขึ้น
Ø ให้ผู้ป่วยจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพื่อลดอาการระคายคอ และน้ำอุ่นจะช่วยให้เสมหะอ่อนตัวลงสามารถขับออกได้ง่าย ทำให้ไอน้อยลง   นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันร่างกายขาดน้ำและช่วยลดไข้ได้อีกด้วย
Ø ควรให้ผู้ป่วยกินอาหารอ่อน  ย่อยง่าย และให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยรักษาความอบอุ่นของร่างกายด้วย
Ø พาผู้ป่วยไปรับการตรวจตามนัด โดยนำยาที่เหลือไปด้วย 
ผู้ป่วยโรคปอดบวมส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และหายเป็นปกติ    แต่ถ้ารักษาแล้วอาการไม่ทุเลาในเวลา 2-3 วัน ควรพาผู้ป่วยกลับไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการอีกครั้งหนึ่งและรักษาตามความเหมาะสมต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น