เนื่องในวันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นวันรณรงค์ “วันปอดบวมโลก” ซึ่งโรคนี้มักระบาดหนักในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงและหนาวเย็นอย่างช่วงเวลานี้ เพราะอากาศมีความชื้นสูง ทำให้เชื้อโรคต่างๆ มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคปอดบวมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องทุกปีของเด็กเล็กทั่วโลก เพราะทุกๆ 20 วินาที จะมีเด็กเล็กตายด้วยโรคนี้หนึ่งคน
โรคปอดบวมส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อเหล่านี้ สามารถที่จะแพร่ กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ทำให้เกิดโรครุนแรงขึ้นอีก เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด และหูอักเสบ เป็นต้น ซึ่งหากเกิดกับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ หรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมากโดยการหายใจเอาเชื้อที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจากการไอ จามรดกัน หรือจากการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย เริ่มแรกผู้ป่วยมักมีอาการไข้หวัดนำมาก่อนประมาณ 2-3 วัน ต่อมาจะมีไข้สูง ไอมาก หายใจเร็ว และหายใจหอบ ถ้าเป็นมากจะหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม เด็กทารกถ้าอาการหนักมักจะซึม ไม่กินนม หากไข้สูงมากอาจมีอาการชัก บางรายหายใจมีเสียงดังวี้ดๆ ปากเขียว เล็บมือ เล็บเท้าเขียว กระสับกระส่าย แต่บางรายอาการก็ไม่ชัดเจน ดังนั้น หากเด็กเล็กๆ ไม่สบายหรือเป็นหวัด คุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าระวัง ดูแลอย่างใกล้ชิด หากสังเกตพบความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
เด็กที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมระยะแรกหรืออาการไม่รุนแรง แพทย์อาจให้ยา แล้วให้กลับไปดูแลที่บ้าน โดยนัดมาดูอาการอีกภายหลัง ซึ่งการดูแลที่บ้านควรปฏิบัติดังนี้
Ø กินยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหลายขนาน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาขับเสมหะ ยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ แล้วแต่อาการ จึงควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดก่อนใช้ ห้ามซื้อยาแก้ไอ หรือยาอื่นมาให้ผู้ป่วยเอง เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้
Ø หากผู้ป่วยมีไข้สูง ควรให้ยาลดไข้ตามขนาดที่กำหนดโดยห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาให้ยา ควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวลดไข้แทน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบายขึ้น
Ø ให้ผู้ป่วยจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพื่อลดอาการระคายคอ และน้ำอุ่นจะช่วยให้เสมหะอ่อนตัวลงสามารถขับออกได้ง่าย ทำให้ไอน้อยลง นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันร่างกายขาดน้ำและช่วยลดไข้ได้อีกด้วย
Ø พาผู้ป่วยไปรับการตรวจตามนัด โดยนำยาที่เหลือไปด้วย
ผู้ป่วยโรคปอดบวมส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และหายเป็นปกติ แต่ถ้ารักษาแล้วอาการไม่ทุเลาในเวลา 2-3 วัน ควรพาผู้ป่วยกลับไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการอีกครั้งหนึ่งและรักษาตามความเหมาะสมต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น